วันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๖๕

Release Date : 17-01-2022 00:00:00
วันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๖๕

วันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๖๕
 
เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๕ พลเรือเอก สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีวันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๖๕ ณ อนุสรณ์เรือหลวงธนบุรี โรงเรียนนายเรือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ  จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีคุณศิริรัตน์ นิลสมัย นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ตลอดจนนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ และหัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือ  เข้าร่วมพิธี ฯ การนี้ พลเรือตรี นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้บัญชาการฐานทัพเรือกรุงเทพ ได้วางพวงมาลาของฐานทัพเรือกรุงเทพเพื่อแสดงความเคารพและระลึกถึงวีรชนของกองทัพเรือที่เสียสละชีวิตในการสู้รบที่ผ่านมา ด้วย
พิธีสดุดีวีรชนและบำเพ็ญกุศลแด่วีรชนของกองทัพเรือ เป็นพิธีสำคัญที่กองทัพเรือจัดขึ้นเป็นประจำ ในวันที่ ๑๗ มกราคม ของทุกปี เพื่อให้ทหารเรือทุกคนได้แสดงความเคารพ และระลึกถึงวีรกรรมของบรรพบุรุษทหารเรือที่ได้ทำการรบอย่างกล้าหาญ และยอมพลีชีพ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติจากศัตรูที่รุกรานแผ่นดินไทยทั้งนี้ นับตั้งแต่อดีต ความกล้าหาญของทหารเรือไทยถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์มาอย่างต่อเนื่อง โดยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๔๘๔ ซึ่งฝรั่งเศสได้ส่งกำลังทางเรือ ประกอบด้วย เรือลาดตระเวนลามอตต์ปิเกต์ เป็นเรือธง เรือสลุป ๒ ลำ และเรือปืน ๔ ลำ เรือสินค้าขนาดใหญ่ติดอาวุธ ๑ ลำ เรือดำน้ำ ๑ ลำ รุกล้ำน่านน้ำไทยบริเวณเกาะช้าง จังหวัดตราด เพื่อระดมยิงหัวเมืองชายทะเลทางภาคตะวันออกของประเทศไทย กำลังทางเรือของไทยที่รักษาการณ์อยู่ในบริเวณนั้น ประกอบด้วย เรือหลวงธนบุรี เรือหลวงชลบุรี และ เรือหลวงสงขลา ภายใต้การบังคับบัญชาของนาวาโทหลวงพร้อมวีรพันธ์ ผู้บังคับการเรือหลวงธนบุรี ได้เข้าต่อสู้อย่างสุดกำลังความสามารถ แม้ว่าเสียเปรียบด้านกำลังรบอย่างมาก จนต้องสูญเสียเรือรบทั้ง ๓ ลำ พร้อมชีวิตวีรชนทหารเรือไทย รวมทั้งสิ้น ๓๖ นาย รวมถึง นาวาโทหลวงพร้อมวีรพันธ์ แต่เป็นที่น่าภูมิใจว่าด้วยกำลังทางเรือของเรา สามารถทำให้ข้าศึกได้รับความเสียหายจนต้องล่าถอยไปในที่สุด
การรบครั้งสำคัญที่ทหารเรือได้พลีชีพเพื่อชาติและราชนาวี เกิดขึ้นอีกครั้งในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ ๒ เมื่อกองทัพเรือได้รับมอบภารกิจจัดเรือไปบรรทุกน้ำมัน ซึ่งเป็นยุทธปัจจัยสำคัญจากสิงคโปร์มายังประเทศไทย โดยเส้นทางลำเลียงอยู่ในเขตปฏิบัติการของเรือดำน้ำฝ่ายสัมพันธมิตร จนกระทั่งในการเดินทางเที่ยวสุดท้าย เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๔๘๘ เรือหลวงสมุย ได้ถูกยิงด้วยตอร์ปิโดจากเรือดำน้ำฝ่ายสัมพันธมิตร จนจมลงที่บริเวณนอกชายฝั่งรัฐตรังกานู สหพันธรัฐมาเลเซีย ทำให้กองทัพเรือต้องสูญเสียทหารผู้กล้าไปจำนวน ๓๑ นาย  นอกจากนั้น กองทัพเรือยังสูญเสียกำลังพลในการต่อสู้เพื่อป้องกันการโจมตีทางอากาศจากฝ่ายสัมพันธมิตรในพื้นที่ต่าง ๆ ในสงครามคราวเดียวกันนี้ อีก ๗ นาย
นอกจากนี้ ยังมียุทธการสำคัญอื่น ๆ ที่ทำให้กองทัพเรือต้องสูญเสียทหารเรือผู้กล้าไปเป็นจำนวนมาก เช่น สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม การปราบปรามผู้ก่อการร้ายตามแผนยุทธการสามชัย จังหวัดเพชรบูรณ์ ยุทธการผาภูมิ ณ บริเวณดอยผาจิ จังหวัดเชียงราย การเข้ายึดค่ายกรุงชิง จังหวัดนครศรีธรรมราช ยุทธการดอนน้อย จังหวัดหนองคาย การรบที่บ้านชำราก จังหวัดตราด เหตุการณ์เรือ ต.๙๘ ปะทะกับเรือประมงติดอาวุธไม่ปรากฏสัญชาติที่จังหวัดระนอง รวมไปถึงการปฏิบัติภารกิจ เพื่อความสันติสุขในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ล้วนแต่เป็นการเสียสละ เพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แลกไว้ด้วยชีวิตทหารเรือเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีชีวิตอยู่อย่างสันติ
    ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ๒๐๑๙ (COVID - 19) กองทัพเรือ จึงได้ปรับรูปแบบการจัดพิธีในครั้งนี้ให้มีความเหมาะสมในรูปแบบ NEW NORMAL โดยลดขั้นตอน และจำนวนผู้ร่วมงานลง แต่ยังคงไว้ซึ่งพิธีการสำคัญ ประกอบด้วย พิธีสงฆ์ การวางพวงมาลา และการอ่านคำสดุดีวีรชนกองทัพเรือ เพื่อระลึกถึงความกล้าหาญของวีรชนทหารเรือที่เสียสละชีวิตในการปกป้องเอกราชและอธิปไตยของชาติ และยังคงอยู่ในจิตใจของทหารเรือทุกนายตราบจนปัจจุบัน
#รวมใจภักดิ์ รักษ์ชาติ ราษฎร์ศรัทธา
#ฐานทัพเรือกรุงเทพ
 
  
  
  
  

รูปภาพที่เกียวข้อง
วันสดุดีวีรชนกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๖๕
ข่าวสารที่เกี่ยวข้อง